‘มิโสะ’ สุดยอดอาหารบำรุงลำไส้
ท่านผู้อ่านหลายคนคงจะคุ้นเคยดีเวลาไปร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี ว่าทางร้านมักจะเสิร์ฟน้ำซุปเครื่องเคียงถ้วยเล็กๆ ที่ชื่อ มิโสะ มาวางคู่กับอาหารทุกเมนู มิโสะนี่ก็เหมือนกับน้ำพริกของไทยเรา คือเป็นตัวช่วยเสริมรสชาติอาหารในแต่ละเมนูให้อร่อยขึ้นนั่นเองค่ะ
.
มิโสะ เกิดจากกระบวนการหมักถั่ว (นิยมใช้ถั่วเหลือง) แบคทีเรียโคจิ น้ำ กับเกลือ จนเกิดรสชาติน้ำซอสหรือหัวเชื้อน้ำซุปที่เข้มข้น ซึ่งเป็นอาหารที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานนับพันปี มิโสะเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงรสที่ดีต่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะมีถั่วเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ยังสามารถหมักร่วมกับธัญพืชอื่นๆ จนเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีแบคทีเรียที่เรียกว่า “โคจิ” ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อลำไส้
.
ประเภทและชนิดของมิโสะ
มิโสะที่คุ้ยเคยในท้องตลาดบ้านเรา จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน
1. มิโสะสีขาวครีมแบบญี่ปุ่น เกิดจากการหมักถั่วเหลืองเป็นเวลานานกับข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้มีรสชาติหอมหวานและนุ่มนวล
2. มิโสะสีแดงแบบเกาหลี เกิดจากการหมักถั่วเหลืองกับข้าวบาเลย์และธัญพืชบางชนิด ทำให้มีรสเค็มและสีที่เข้มกว่าแบบแรก
.
คุณประโยชน์ของมิโสะต่อร่างกายของเรา
1. ให้โปรไบโอติกที่พบเฉพาะในอาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต ชีส ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ปรับปรุงระบบการย่อย และการดูดซึมสารอาหารในร่างกายให้ดีขึ้น ในวารสารงานวิจัยหลากหลายชนิดบอกว่าการมีปริมาณโปรไบโอติกในลำไส้นั้นส่งผลให้ระดับสติปัญญา ระดับภูมิคุ้มกัน ความสามารถในการควบคุมความอยากอาหาร และความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเราดีขึ้น สำหรับคนที่ไม่ชอบทานโยเกิร์ต การกินมิโสะซุปวันละ 1-2 ถ้วยก่อนนอนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
.
2. ช่วยร่างกายในการต่อสู้โรคภัยจากระบบทางเดินอาหาร อันเกิดจากความไม่สมดุลในแบคทีเรียในลําไส้ โรคที่พบบ่อยได้แก่ อาการท้องผูก ท้องเสีย ก๊าซในกระเพาะและลำไส้เยอะ เรอบ่อย ท้องอืดและอาหารไม่ย่อย อาการลําไส้แปรปรวน (IBS) ต่างๆ เนื่องจากโปรไบโอติกจะช่วยบรรเทาความทรมานจากโรคอาหารเป็นพิษ การเป็นแผลในทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะ หรือ ลำไส้ รวมไปถึงช่วยลดอาการอักเสบจากโรคมะเร็งลำไส้ด้วย
.
3. ช่วยลดความต้องการโซเดียมจากอาหารอื่นๆ ที่เป็นอันตราย สำหรับคนที่ติดการบริโภคอาหารรสเค็ม งานวิจัยในมหาวิทยาลัยฮิโรชิม่า พบว่า การรับประทานมิโสะที่หมักเป็นเวลานานกว่า 180 วัน อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ร่างกายได้รับปริมาณโซเดียมคอลไรด์ (NACL) ในปริมาณที่พอเหมาะ และช่วยลดการดูดซึมปริมาณโซเดียมคลอไรด์ในลำไส้จากอาหารอื่นๆ ซึ่งส่งผลต่อการลดลงของความดันเลือด และชะลอความเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจได้
.
4. ช่วยต่อสู้และต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลส์มะเร็ง เพราะซุปมิโสะที่หมักในระยะเวลานานกว่า 180 วัน จะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งป้องกันการเจริญเติบโตของเซลส์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ เนื้องอกในกระเพาะอาหาร และลดอัตราการเกิดมะเร็งเต้านม
.
5. เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย และมีเอนไซม์เฉพาะที่พบในถั่วและธัญพืชเท่านั้น ซึ่งเพิ่มความสามารถของร่างกายในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ เช่น ทองแดง แมงกานีส วิตามินบี วิตามินเค และฟอสฟอรัส
.
6. งานวิจัยจากวารสารเภสัชวิทยาของญี่ปุ่นพบว่าการรับประทานมิโสะเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไปส่งผลให้อัตราการลดระดับของคอเลสเตอรอลหรือไขมันเลวในเลือด ลดลงมากกว่าถึง 7.6% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน
เคล็ดลับดีๆ สำหรับการบริโภคมิโสะให้เป็นประจำ นอกจากเวลาเราไปตามร้านอาหารที่เขาเสิร์ฟซุปมิโสะ เราจะเห็นคนปรุงอาหารมักจะใส่สาหร่ายและเต้าหู้มาด้วย ซึ่งเป็นเมนูที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย รสชาติกลมกล่อม กินได้ทุกเพศทุกวัย
.
การทำซุปมิโสะโฮมเมดรับประทานทุกวัน และหมั่นเติมวัตถุดิบอื่นๆ เช่น ผักเพิ่มลงไปในซุปเพื่อให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น
.
นอกจากซุปแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย เช่น ทำน้ำสลัดกินกับผัก โดยนำมิโสะผสมกับน้ำมันงา และน้ำส้มสายชู ก็สามารถได้น้ำสลัดพลังงานต่ำเอาไว้ทานช่วงไดเอทได้ หรือนำมิโสะไปทาบางๆ บนปลาดิบหรืออาหารจำพวกปิ้งย่างอื่นๆ ก็ช่วยเพิ่มรสชาติ และครีเอทเมนูใหม่ๆ ได้ไม่ซ้ำวันเลย