ยอดจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจาก COVID-19 นั้น เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สาเหตุนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่เหตุผลทางชีววิทยาไปจนถึงความใส่ใจในสุขภาพที่น้อยเกินไป
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานไว้ว่าร้อยละ 68 ของผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 นั้นเป็นผู้ชาย
ในอิตาลี จากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ผู้ชายมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 9 ผู้หญิงเสียชีวิตร้อยละ 5
ที่นิวยอร์ก ผู้ป่วยชายทุก 100,000 คน มีอัตราการเสียชีวิต 43 คน ผู้ป่วยหญิงทุก 100,000 คน มีอัตราการเสียชีวิต 23 คน
สาเหตุหนึ่งที่อัตราการเสียชีวิตจาก COVID-19 ในผู้ชาย อาจมาจาก ผู้สูงอายุชายมีอัตราการป่วยเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้สูงอายุหญิง และผู้ชายมีอัตราการป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคตับมากกว่าผู้หญิง ทำให้การรักษาโรค COVID-19 นั้นเป็นไปได้ยากขึ้น
พันธุกรรมยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างชายหญิง เพศหญิงมีโครโมโซม X ที่มากกว่า ซึ่งเป็นโครโมโซมที่มีภูมิคุ้มกันมากกว่า และทนทานต่อการติดเชื้อมากกว่า
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการให้ฮอร์โมนเพศหญิงในคนไข้ COVID-19 ที่เป็นผู้ชาย โดยมีข้อสังเกตว่าผู้ป่วยใน ICU ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์ซึ่งมีฮอร์โมนเพศหญิงสูงมาก กลับมีอาการป่วยที่น้อย แต่ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า หญิงสูงอายุซึ่งเลยวัยหมดประจำเดือน มีฮอร์โมนเพศหญิงต่ำ ก็มีความรุนแรงของโรคน้อยกว่าผู้ชาย แม้กระทั่งหญิงชราวัย 93 ปี ยังมีการฟื้นตัวที่ดี ทำให้การใช้ฮอร์โมนในการรักษานี้ ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
รู้หรือไม่ว่าเพศชายอ่อนแอกว่าเพศหญิง
ผู้ชายอาจจะมีร่างกายภายนอกที่แข็งแรงกว่า แต่ถ้าเอ่ยถึงเรื่องภูมิคุ้มกันแล้ว เพศหญิงมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าเพศชาย
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายมีโรคประจำตัวมากกว่าผู้หญิง พฤติกรรมที่ทำร้ายปอด เช่น การสูบบุหรี่ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต
คนที่อยู่ในพื้นที่มลภาวะเป็นพิษ หากป่วยด้วย COVID-19 จะมีอัตราเสียชีวิตมากกว่า และผู้ชายทำงานนอกบ้านมากกว่า ก็จะมีโอกาสอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีมลพิษมากกว่า
ผู้ชายพบปะผู้คนมากกว่า อยู่ในที่แออัดมากกว่า เช่น การพบปะสังสรรค์ ดูการแข่งกีฬาที่สนามกีฬา
และจากการสำรวจความกังวลเกี่ยวกับโรค COVID-19 ผู้หญิงมีความกังวลมากกว่าผู้ชาย ทำให้มีความระมัดระวังมากกว่า
นอกจากนั้น ผู้ชายมีความใส่ใจในอาการของตนเองน้อย และไปพบแพทย์ช้ากว่า
เมื่อดูจากสถิติที่ผ่านมา ผู้ชายคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ล้างมือให้บ่อย การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และการใส่หน้ากากอนามัยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในช่วงนี้
ส่วนผู้หญิงที่ดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว ก็ยังต้องดูแลต่อไป เพราะไม่มีใครบอกได้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อใด