ติดเชื้อไวรัส แม้หายแล้ว แต่…อาการไม่จบ! อาการ ‘Long Viral Syndrome’ ในปัจจุบ…

ติดเชื้อไวรัส แม้หายแล้ว แต่…อาการไม่จบ!
อาการ ‘Long Viral Syndrome’

ในปัจจุบันนี้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อแล้วกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน แต่ก็ยังมีอาการข้างเคียงจากการติดเชื้ออยู่ ร่างกายยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาการเหล่านั้นเรียกว่า ‘Long Viral Syndrome’ คือ เป็นภาวะที่เราติดเชื้อไวรัสแล้วก็หายแล้ว แต่ยังมีอาการต่างๆ อยู่ บางคนรู้สึกเหนื่อย มีการไอเยอะอยู่ บางคนมีไข้ บางคนผมร่วง ซึ่งอาการเหล่านี้เจอได้เยอะในผู้ป่วยที่อาการหนักหรือเชื้อลงปอด และจะมีอาการเรื้อรังแบบนี้ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งยาวนานได้ถึง 4-24 สัปดาห์ หรือ 1-6 เดือนได้เลยทีเดียว โดยอาการ Long Viral Syndrome จะมีอยู่ 5 อาการที่มาเป็นอันดับต้นๆ คือ
1. อ่อนเพลีย (Fatigue) พบได้ประมาณ 58%
2. ปวดหัว พบได้ประมาณ 44%
3. Attention Disorder สมาธิแย่ลง การจดจ่อจดจำลดลง หรือมีอาการ Brain Fog อาการมึนเบลอ หัวสมองตื้อ คิดอะไรไม่ค่อยออก สมองไม่แจ่มใส พบได้ประมาณ 27%
4. ผมร่วง พบได้ประมาณ 25%
5. เหนื่อยล้า พบได้ประมาณ 24%
นอกจาก 5 อาการข้างต้นที่พบเจอมากที่สุดแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่ตามมาด้วย เช่น
– จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นขาดการรับรส พบได้ประมาณ 21%
– เจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก พบได้ประมาณ 16%
– อาการทางด้านจิตประสาท วิตกกังวล พบได้ประมาณ 13%
– ภาวะซึมเศร้า พบได้ประมาณ 12%
– นอนไม่หลับ พบได้ประมาณ 11%
– ปวดเมื่อยร่างกาย กล้ามเนื้อ ข้อต่อ พบได้ประมาณ 11%
สาเหตุของอาการ Long Viral Syndrome
1. ระบบภูมิคุ้มกันหลังจากติดไวรัสมีการทำงานที่ผิดปกติ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติไปจะทำให้ภูมิคุ้มกันไปทำลายเนื้อเยื่อของตัวเอง เรียกว่า Autoimmune Disease จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา
2. เศษซากของไวรัสยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายจึงกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้
3. การอักเสบที่ยังคงสูงอยู่ และอวัยวะหรือเนื้อเยื่อต่างๆ ถูกทำลายจากการอักเสบที่สูงนั้น
4. ​Adrenal Fatigue อาการของต่อมหมวกไตล้า ปกติเมื่อร่างกายเกิดความเครียดขึ้นร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ได้ไม่เหมือนเดิม โดยจะเป็นความเครียดทางกายและทางใจ ซึ่งเมื่อเราติดไวรัสจะเป็นความเครียดทางกาย เมื่อเราเครียดต่อมหมวกไตจะทำงานหนักจึงเกิดอาการต่อมหมวกไตล้า เมื่อต่อมหมวกไตล้าจึงสร้างฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายได้ไม่เหมือนเดิมทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าขึ้นได้

การแก้ไขอาการ Long Viral Syndrome
1. การอักเสบที่สูงอยู่ สิ่งที่ควรทำ คือ การลดการอักเสบ แนะนำตัวช่วย คือ
– Quercetin (เควอซิติน) ช่วยลดการอักเสบได้ดี ช่วยลดการแพ้ต่างๆ ลดผื่น ลดการคัดจมูก หรือในหลายๆ คนที่มีอาการคออักเสบ ไอต่อเนื่องยาวนานเกิดการไปกระตุ้นภูมิแพ้ ซึ่งเควอซิตินนอกจากช่วยเรื่องของภูมิแพ้ได้แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันไวรัสเข้าเซลล์ได้อีกด้วย
– Fish Oil (น้ำมันปลา) โดยเน้นให้ EPA 50% ขึ้นไป เช่น ใน 1 เม็ด 1,000 mg ควรมี EPA 500 ขึ้นไป ช่วยลดการอักเสบที่เกิดในร่างกายได้เป็นอย่างดี
2. เมื่อเนื้อเยื่อถูกไวรัสทำลาย ควรแก้ด้วยการทาน Plant Protein เป็นการทานโปรตีนเพื่อไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย Plant Protein เป็นโปรตีนที่มาจากพืช ซึ่งโปรตีนจากพืชจะดีกว่าโปรตีนที่มาจากสัตว์ เพราะว่าเมื่อทานเนื้อสัตว์เราจะได้รับไขมันจากสัตว์เข้าไปด้วย โดยในไขมันสัตว์จะมีโอเมก้า 6 สูง ซึ่งโอเมก้า 6 เป็นตัวที่ไปกระตุ้นการอักเสบ ในส่วนที่เป็นโปรตีนจากนม จำพวกเวย์โปรตีน ในช่วงเวลาที่มีการอักเสบสูงยังไม่แนะนำให้ทานแนะนำให้ควรเลี่ยงนม หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม เพราะฉะนั้นโปรตีนที่ควรทานคือ Plant Protein จะช่วยเรื่องซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายไปได้
3. การออกกำลังกาย เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค โยคะ ชี่กง หรือการออกกำลังกายที่เคลื่อนไหวช้า ออกกำลังกายที่บริหารกระบังลมเพื่อให้ปอดกลับมาทำงานได้เป็นปกติ

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้เราจะหายป่วยจากการติดไวรัสแล้วแต่ก็ยังมีอาการเรื้อรังที่ตามเรามาอยู่ ทั้งการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ผมร่วง ปวดหัว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอาการเรื้อรังเหล่านี้ เราจึงควรแก้ไขอาการต่างๆ เหล่านี้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ระบบในร่างกายกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ สุดท้ายก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองอย่างใกล้ชิดกันนะคะ จะได้ไม่ฝากชีวิตไว้กับหมอกันค่ะ : )

ติดต่อเรา