อะโวคาโด ผลไม้ยอดนิยมของกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วโลก
.
🥑🥑กระแสของผู้บริโภคสายสุขภาพเริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ทานวีแกน มังสวิรัติ ก็คงจะต้องหาอาหารทางเลือกที่ให้พลังงานและไขมันดีที่สูง ด้วยเหตุนี้ “อะโวคาโด” จึงกลายมาเป็นผลไม้ยอดนิยมในหมู่คนรักสุขภาพทั่วโลกนั่นเองค่ะ
.
โดยอะโวคาโด (Avocado) นั้นเป็นผลไม้เก่าแก่ที่มีอายุประมาณ 8,000 – 15,000 ปี มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก เปรู และหมู่เกาะเวนต์อินดีส มีเนื้อสัมผัสนุ่มเหมือนครีม รสชาติเบาบาง หอมมัน จึงทำอาหารได้สารพัดเมนูทั้งคาวหวาน จะทานผลสุกหรือจะนำมาทาขนมปังแทนเนยก็อร่อยค่ะ
.
อะโวคาโดถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ “ซุปเปอร์ฟู้ด” (Superfood) เพราะให้พลังงานสูงมาก แต่กลับแทบไม่มีน้ำตาล อุดมด้วยไขมันชนิดดี อีกทั้งมีวิตามินและแร่ธาตุมากกว่า 20 ชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง หากทานเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพหลายประการ ดังเช่น
.
1️⃣ ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
ในอะโวคาโดมีกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นต่อระบบประสาทและสมอง ช่วยลดความเหนื่อยล้าของสมอง ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น
.
2️⃣ช่วยลดไขมันเลวในเลือด ลดเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันชนิดดี คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated fatty acids) ถึง 70% ซึ่งมีประโยชน์ในการลดไขมันเลวในหลอดเลือด เช่น คอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (Low Density Lipoprotein-LDL) และไตรกลีเซอไรด์ จึงช่วยลดเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวายได้
.
3️⃣มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ลดเสี่ยงโรคมะเร็ง
ในอะโวคาโดมีวิตามินอีสูง และมีลูทีน (Lutien) เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ จึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายจากมลพิษทั้งจากภายในและภายนอก ทั้งยังช่วยลดเสี่ยงมะเร็งชนิดต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และมีการศึกษาที่พบว่าอาจช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
.
4️⃣ช่วยบำรุงและรักษาดวงตา ลดเสี่ยงโรคตาหลายชนิด
ในอะโวคาโดมีทั้ง ลูทีน (lutein) และ ซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมี (phytochemicals) ที่มีอยู่เข้มข้นในเนื้อเยื่อดวงตา ช่วยปกป้องดวงตาจากอนุมูลอิสระ ลดการทำร้ายของแสงยูวีและแสงสีฟ้าต่อดวงตาได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางดวงตา และชะลอความเสื่อมของสายตาจากวัยที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคต้อกระจก โรคจุดรับภาพเสื่อม (macular degeneration)
.
5️⃣ช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก
อะโวคาโดนั้นมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการทำงานของลำไส้ ทำให้ลำไส้บีบตัวได้ดี เพิ่มมวลอุจจาระ จึงมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันและรักษาอาการท้องผูก นอกจากนี้ก็ยังมีโปรตีนสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
.
6️⃣ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และลดความอ้วน
หลายคนอาจกังวลว่าทานอะโวคาโดแล้วจะอ้วนหรือไม่เพราะถือว่าเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่จริงๆ แล้วมีการวิจัยยืนยันว่า อะโวคาโดคือผลไม้ที่เหมาะกับการทานช่วงลดความอ้วน เนื่องจากกรดไขมันโอเลอิกจัดเป็นไขมันดีที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว และไม่หิวบ่อยระหว่างวัน ทำให้มีแนวโน้มที่เราจะทานแคลอรี่น้อยลง เพราะความอยากอาหารอื่นๆ ลดลง ทำให้นิสัยการทานอาหารจุบจิบลดลงไปด้วย
.
แต่ถึงอย่างนั้น อะโวคาโดก็ถือเป็นพืชที่มีไขมันและพลังงานสูง หากทานในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็น จนต้องแปรรูปพลังงานเป็นไขมัน ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญจีงแนะนำให้ทานอะโวคาโดวันละครึ่งผล หรือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ผลต่อวันค่ะ