เลือก โยเกิร์ต ยังไงไม่เสียสุขภาพ
ด้วยคุณประโยชน์มากมายของโยเกิร์ต อุดมด้วยจุลินทรีย์ แคลเซียม โปรตีนและวิตามิน ทั้งดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยลดน้ำหนัก เสริมสร้างกระดูกและฟัน ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในภาพตัวแทนของอาหารเพื่อสุขภาพ จนผู้ค้าพากันแข่งกันผลิตโยเกิร์ตพร้อมทานออกมาวางจำหน่าย มีทั้งรสผลไม้ หวานน้อย ไร้ไขมัน ละลานตาไปหมด แล้วผู้บริโภคจะเลือกยังไงกันล่ะ? วันนี้เรามีวิธีเลือกโยเกิร์ตมาแนะนำกันค่ะ
1. ระวังปริมาณน้ำตาล
ผู้ผลิตมักจะเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงไปในโยเกิร์ตเพื่อให้ทานง่ายและรสชาติดี ปัญหาคือในโยเกิร์ตบางยี่ห้อมีปริมาณน้ำตาลสูงลิ้ว ตั้งแต่ 15-30 กรัมเลยค่ะ โดยเฉพาะโยเกิร์ตที่แต่งกลิ่นและรสชาติ โยเกิร์ตในซุปเปอร์มาเก็ตส่วนใหญ่จะบอกปริมาณน้ำตาลอยู่แล้ว ดูให้ดีก่อนจะซื้อนะคะ อีกทางเลือกหนึ่งคือการบริโภคกรีกโยเกิร์ตที่ได้จากการคั้นหางโยเกิร์ตเอาแลคโตสออกไป ทำให้มีโปรตีนสูงกว่าและมีน้ำตาลเหลืออยู่น้อยมากๆ (แต่มีปริมาณแคลเซียมน้อยกว่า)
2.ดูส่วนประกอบให้ดี
นอกจากปริมาณน้ำตาลแล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่ทำลายสุขภาพและไม่เป็นมิตรกับคนลดน้ำหนัก เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด (corn syrup / Maize Syrup / high fructose syrup) เป็นสารเพิ่มความหวานผลิตจากซังข้าวโพด นิยมใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารเนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำและให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติถึงสองเท่า แต่มีโทษกับร่างกายอย่างมาก มันเป็นสาเหตุของความผิดปกติของระบบเผาผลาญพลังงาน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตและความจำ ภาวะไขมันพอกตับ และเพิ่มปริมาณไขมันเลว
3.อย่าเชื่อใจ ไขมัน 0%
ใช่ว่าไขมันจะมีแต่ข้อเสีย ไขมันชนิดเลวคือไขมันอิ่มตัวและ_ขมันทรานซ์ เพียงแต่คำว่า “ไขมันต่ำ” หรือ “ไขมัน 0%” เป็นคำโฆษณาที่ดูดีและดึงดูดใจคนลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าไว้ใจมันค่ะ สิ่งสำคัญคือส่วนประกอบ เพราะการตัดไขมันออกทำให้โยเกิร์ตถ้วยนั้นขาดความหอมมันของไขมันไป โยเกิร์ตไขมันต่ำหลายยี่ห้อจึงใส่น้ำตาลลงไปปริมาณมากเพื่อเพิ่มรสชาตินั่นเองค่ะ
4. โยเกิร์ตในสมูทตี้ ไม่ได้ดีเสมอไป
สมูทตี้หรือน้ำปั่นผลไม้ผสมโยเกิร์ตตามร้านไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป หลายครั้งที่ความอ้วนถามหาเพราะคำว่า “สมูทตี้ / น้ำปั่นผลไม้ใส่โยเกิร์ต” ฟังดูสุขภาพดี มีทั้งผลไม้และโยเกิร์ตที่เป็นอาหารสุขภาพ แต่ก็ปัญหาเรื่องรสชาติอีกนั่นแหละค่ะ เครื่องดื่มเหล่านี้มันจะถูกเติมด้วยน้ำเชื่อม และเพราะเราไม่สามารถรู้ส่วนประกอบได้เหมือนกับโยเกิร์ตบนชั้นในร้านค้า ถ้าอยากทานจริงๆ แนะนำให้ซื้อผลไม้และโยเกิร์ตที่เลือกอย่างดีมาปั่นทานเองดีกว่าค่ะ
5. เปรียบเทียบสารอาหาร
กระบวนการผลิตโยเกิร์ตแต่ละแบบและแต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกัน ทำให้สารอาหารที่มีอยู่ในโยเกิร์ตก็ต่างกัน สังเกตที่ฉลากโภชนาการให้ดี โยเกิร์ตบางยี่ห้ออาจมีโซเดียมซึ่งอยู่มาก ถ้าบริโภคมากเกินไปจะส่งผลเสียกับไตและความอ้วนได้ โซเดียมส่วนใหญ่มาจากการแต่งรส จึงควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะดีที่สุดค่ะ นอกจากนี้ให้สังเกตปริมาณแคลอรี่ อย่าลืมเปรียบเทียบปริมาณโปรตีน แคลเซียม(อย่างน้อย 15%) วิตามิน D และจุลินทรีย์มีชีวิตซึ่งเป็นสารอาหารหลักในโยเกิร์ตด้วยนะ ถ้าโยเกิร์ตถ้วยนั่นแทบจะไม่มีสารอาหารเหล่านี้เลยก็เหมือนเรารับเอาแคลอรี่เข้าร่างกายโดยไม่ได้รับประโยชน์นะคะ
.
สนใจสินค้าสุขภาพที่คุณหมอพูดถึง สามารถสั่งซื้อได้ทาง
Line@ของคลีนิคค่า
✅LINE : https://lin.ee/piE9kvf
——————————-
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
📌 เพจ : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 Youtube : https://youtube.com/c/อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 IG : dr.cant.help