3 สิ่งที่คุณควรจะต้องพิจารณาก่อนให้ลูกฉีดวัคซีน
.
1. ถามตัวเองว่า จะให้ลูกฉีดวัคซีนเพื่ออะไร?
หากคำตอบออกมาว่า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในโรงเรียน ในข้อนี้จึงบอกว่า วัคซีนไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ เพราะว่าเกิด Breakthrough Infection (การติดเชื้อหลังได้รับวัคซีน) เป็นจำนวนมาก เกิดการติดเชื้อแม้จะฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วก็ตาม ถึงแม้จะฉีควัคซีนครบ 2 โดสก็สามารถติดเชื้อหรือไปแพร่กระจายเชื้อได้อยู่ดี
หากคำตอบออกมาว่า ฉีดเพื่อป้องกันผู้สูงอายุที่บ้าน เผื่อเด็กไปติดเชื้อไวรัสแล้วจะนำมาติดคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ที่บ้านแล้วบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เปราะบาง ในข้อนี้ควรแก้ที่กลุ่มคนเสี่ยง ไม่ได้แก้ที่ตัวเด็ก สิ่งป้องกันที่ดีกว่า คือ ให้กลุ่มเสี่ยงนี้ได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดส เพื่อป้องกันการเจ็บหนักและการเสียชีวิตในการติดเชื้อ
หากคำตอบออกมาว่า เพื่อป้องกันการเจ็บหนักและการเสียชีวิตของเด็ก ในข้อนี้วัคซีนสามารถช่วยได้
.
2. ดูประโยชน์ของการฉีดวัคซีนว่ามีประโยชน์มากแค่ไหน
จากข้อมูลของประเทศอังกฤษ พบว่า มีเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีที่เสียชีวิตจากไวรัส มี 2 คน จากเด็ก 1 ล้านคน นักวิชาการที่เห็นตัวเลขนี้จึงพบว่า อัตราการเสียชีวิตของเด็กต่ำมาก ประโยชน์ของวัคซีนในจุดนี้จึงน้อยมากเพราะว่าอัตราการเสียชีวิตของเด็กต่ำ นักวิชาการจึงออกมาแนะนำว่า ถ้าแบบนี้จึงยังไม่ต้องฉีดวัคซีนจะดีกว่า
จากข้อมูลของสหรัฐอเมริกา พบว่า การดูอัตราการเสีชยชีวิตของสหรัฐอเมริกากับอังกฤษไม่เหมือนกัน โดยในสหรัฐอเมริกาไปดูเด็กทุกคนที่เสียชีวิตที่มีตัว PCR Positive คือ คนไหนที่มีผลบวกแล้วเสียชีวิตจะนับว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยไวรัสตัวนี้ ทั้งที่ในบางคนอาจเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่นๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นอัตราการเสียชีวิตของเด็กในสหรัฐอเมริกาจึงสูงกว่าอังกฤษ แล้วในสหรัฐอเมริกาพบว่า อัตราการเสียชีวิตของเด็กในระดับนี้สูงกว่าการเสียชีวิตจากการเป็นหัด ซึ่งการติดโรคหัดนี้ยังมีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดโรคหัด แล้วอัตราการเสียชีวิตของการติดไวรัสตัวนี้สูงกว่าการเป็นหัดอีก เพราะฉะนั้นในสหรัฐจึงแนะนำว่าควรฉีดวัคซีนจะดีกว่า
.
3. ดูความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีน
ความเสี่ยงในระยะยาว ข้อมูลปัจจุบันแนะนำให้ฉีดไฟเซอร์ ซึ่งเราไม่รู้เลยว่า mRNA ในระยะยาว 20-30 ปีข้างหน้าจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า? ซึ่งเราก็ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
ความเสี่ยงจากจำนวนเด็กที่เข้ารับการทดลองน้อยไป จากข้อมูลวิจัยเฟส 3 ซึ่งเป็นการวิจัยของวัคซีนในเด็ก พบว่า จำนวนของเด็กยังน้อยไป ในงานวิจัยของวัคซีนโมเดอร์นาร์ มีเด็กที่อยู่ในการทดลองเฟส 3 ประมาณ 2,000 คน ส่วนของไฟเซอร์มีประมาณ 3,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยไป เช่น ถ้ามีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น 1 ใน 5,000 คน เราก็จะพลาดข้อมูลของผลข้างเคียงในส่วนนี้ไปนั่นเอง
.
จะเห็นได้ว่า ในการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรพิจารณาให้รอบคอบ ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วน และลองถามตัวเองว่าจุดประสงค์ที่จะให้เด็กฉีดวัคซีนนั้นเพื่ออะไร มีความเสี่ยง มีประโยชน์แบบไหน ถ้าได้คำตอบออกมาแล้วก็สามารถรู้ได้ว่าจะให้ลูกฉีดดีหรือไม่นั่นเอง เมื่อได้คำตอบออกมาแล้วยังไงก็อย่าลืมตัวดูแลตัวเอง รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ กันทั้งลูก พ่อ แม่ และคนในครอบครัวกันนะคะ : )
——————————
สนใจสินค้าสุขภาพที่คุณหมอพูดถึง สามารถสั่งซื้อได้ทาง Inbox หน้าเพจ
หรือ Line@ของคลีนิคค่า
✅LINE : https://lin.ee/piE9kvf
พิเศษ สั่งซื้อสินค้าจาก Line my shop รับคูปองส่วนลดพิเศษ
สั่งซื้อเลย : https://lin.ee/xugEfmj
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
📌 เพจ : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 Youtube : https://youtube.com/c/อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 IG : dr.cant.help