กระดูกและข้อแข็งแรง ด้วยคอลลาเจน ตัวช่วยสำคัญสำหรับคนสูงวัย 💪
.
🚶🏻♀️ใครบ้างจะลุกจะเดินไปไหน ก็ปวดแปล๊บๆ บริเวณข้อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก แถมยังมีเสียงลั่น ดังกรอบแกรบที่ข้อเข่าทุกครั้งที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่า มีอาการนิ้วล๊อค ข้อติดง่าย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน หนักหน่อยก็มีอาการปวดบวมตามข้อ ข้อโก่งงอผิดรูปผิดร่างกันเลยทีเดียว
.
โดยปกติแล้ว ร่างกายของเรามีกระบวนการสร้างและทำลายกระดูกอ่อนอยู่ตลอดเวลา โดยในช่วงวัย 25-30 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กระดูกมีมวลหนาแน่นมากที่สุด เพราะร่างกายของเราสามารถสร้างและทำลายกระดูกอ่อนได้อย่างสมดุล
.
แต่เมื่ออายุเลยวัย 30 มวลกระดูกของคนเราก็จะค่อยๆ เสื่อมเร็วยิ่งขึ้น จนเมื่อถึงวัยชราก็จะถูกทำลายอย่างรวดเร็วจนร่างกายไม่สามารถสร้างและซ่อมแซมได้ทัน ส่งผลให้กระดูกอ่อนเกิดการสึกกร่อน ไม่สามารถรับน้ำหนักหรือแรงกระแทกได้ดี โดยหากปล่อยไว้ให้สึกกร่อนมากยิ่งขึ้นก็จะเกิดอาการอักเสบและเจ็บปวดอย่างรุนแรง จนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้
.
❗บางคนอาจละเลยที่จะรักษา โดยคิดว่าเป็นเพียงอาการปวดที่เกิดขึ้นตามอายุที่สูงขึ้น และรับประทานเพียงยาแก้ปวดประคองอาการเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ทราบไหมว่า? เราสามารถลดอัตราการสูญเสียของมวลกระดูกลงได้ เพียงได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและข้อต่อ
.
หลายคนคงจะคุ้นเคยกันดีกับ “แคลเซียม” ว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและข้อให้แข็งแรง แต่แท้จริงแล้ว การเสริมแคลเซียมอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะกระดูกและข้อจะแข็งแรงและยืดหยุ่นได้นั้น ยังต้องพึ่งพาอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญ นั่นก็คือ “คอลลาเจน”
.
✨ โดยจากงานวิจัยพบว่า คอลลาเจนจะทำหน้าที่เป็นเหมือนเสาหลัก เพื่อให้แคลเซียมได้เกาะติด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความหนาแน่นให้กับมวลกระดูก และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดูก ข้อกระดูก กระดูกอ่อน หลอดเลือด และผิวหนัง
.
โดยคอลลาเจนจะเข้าไปช่วยยับยั้งการเสื่อมของเซลล์คอนโดไซด์ (Chondrocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูกอ่อน ช่วยลดอักเสบและการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อน และกระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคน (Glycosaminoglycan) ทำให้เนื้อเยื่อข้อต่อทนทานต่อแรงกดดันได้ เพิ่มน้ำในข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและไม่เกิดการขัดกัน
.
ในปัจจุบัน คอลลาเจนจึงถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หรือผู้ที่มีภาวะกระดูกบาง กระดูกเปราะ นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ก็มักจะนำคอลลาเจนมาผ่านกระบวนการสกัดให้อยู่ในรูปแบบของ “คอลลาเจนสายสั้น” อย่างเช่น “คอลลาเจนไตรเปปไทด์” ซึ่งเป็นการทำให้โมเลกุลของคอลลาเจนมีขนาดเล็กลง จนสามารถลำเลียงและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะอาหาร สามารถส่งตรงเข้าไปยังเซลล์กระดูก เซลล์กระดูกอ่อน และเซลล์ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากคอลลาเจนที่อยู่ในอาหารเสริมทั่วไป ซึ่งมีโมเลกุลที่ใหญ่ และใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมนาน
.
👍 นอกจากนี้ ก็ยังมีคอลลาเจนชนิดพิเศษที่มีชื่อเรียกว่า คอลลาเจนไทพ์-ทู (Collagen Type-II) ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีงานวิจัยว่า มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยเกิดจากการสกัดคอลลาเจนที่มีอยู่ในเนื้ออกไก่ โดยใช้อุณหภูมิต่ำและไม่ผ่านกระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์ ทำให้ได้คอลลาเจนที่ยังคงโครงสร้างสมบูรณ์เหมือนกับคอลลาเจนที่อยู่ในกระดูกอ่อนบริเวณข้อของร่างกาย และมีประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงกว่าคอลลาเจนทั่วไป
.
เนื่องจากโรคข้อเข่าเสื่อมเกิดจากร่างกายสร้างคอลลาเจนเสริมเพิ่มเติมได้น้อยกว่าคอลลาเจนที่ถูกทำลายไป การที่จะไปสร้างเสริมกระดูกอ่อนเราจึงควรทานคอลลาเจนไปสร้างเสริมและลดการทำลายของกระดูกเพื่อทำให้โรคข้อเสื่อมดีขึ้น ปกติกระดูกอ่อนมีการสร้างและการทำลายอยู่ตลอดเวลา โดยการสร้างได้มาจากการรับประทาน ซึ่งการทานคอลลาเจนเสริมเข้าไปก็เหมือนกับการเติมน้ำในถังให้เต็ม แต่การทำลายเกิดจากเม็ดเลือดขาว T-Cell ไปทำลายกระดูกอ่อนก็เหมือนน้ำที่รั่วออกมาจากถังนั่นเอง
.
ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรหันมารับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ หรือทานอาหารเสริมชนิดคอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนไทพ์-ทูกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อชะลอความเสื่อมถอยของกระดูกและข้อตามวัย แต่หากมีอาการปวดมากก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคและเข้ารับการรักษาโดยเร็ว ก่อนที่จะปวดเรื้อรังจนส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันนะคะ
.
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #Health #คอลลาเจน #ข้อเข่าเสื่อม #กระดูก #ข้อเข่า