บางคนออกกำลังกายแล้วน้ำหนักไม่ลด 💪 แถมยังรู้สึกว่าตัวล่ำขึ้นไปอีก ถึงขั้นโดนเปรียบเปรยว่าเป็น 🐽 หมูแข็งแรง
👉 แล้วเหตุใดการออกกำลังกายจึงไม่ค่อยมีผลต่อการลดน้ำหนัก ❓
ปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันของเรา ขึ้นอยู่กับ
BMR (Basal Metabolic Rate) หรือ พลังงานที่เราใช้เมื่อเราอยู่เฉยๆ ซึ่งมากถึง 60-80% / พลังงานที่ใช้ในการย่อยอาหาร 10% / พลังงานที่เราใช้ในกิจวัตรประจำวัน 10-30%
จะเห็นได้ว่าการออกกำลังกายนั้น 🏋🏼♀️ พลังงานที่เผาผลาญไป เป็นเพียง 10-30% ที่เราเผาผลาญต่อวัน ดังนั้น การออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย แทบจะสูญเปล่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่เรากินเพิ่มเข้าไปหลังจากออกกำลังกาย 🏸 เช่น การออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงของเรา อาจจะเผาผลาญพลังงานเท่ากับพิซซ่า 1 ชิ้นที่เรากินเพิ่มเข้าไปหลังจากนั้น
และมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้การออกกำลังกายอาจจะไม่ได้ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ เนื่องจากหลังออกกำลังกาย เราอาจจะรู้สึกเหนื่อยมาก และทำให้กินอาหารมากขึ้น ⚠️ ในทางกลับกัน วันที่เราไม่ได้ออกกำลังกาย เราไม่รู้สึกเหนื่อย เราก็อาจจะกินน้อยลง
หรือหากเรารู้สึกปวดเมื่อยอ่อนเพลียหลังจากออกกำลังกาย เราก็จะพักร่างกาย เคลื่อนไหวน้อยลง เช่น จากเคยเดินขึ้นบันไดทุกวัน 🚶🏽♀️ แต่วันนั้นเมื่อยขามาก ก็จะเปลี่ยนมาขึ้นลิฟท์แทน
แล้วทำไมเราถึงควรจะออกกำลังกาย❓ ถึงแม้ไม่ช่วยให้น้ำหนักเราลดลง
โดยปกติแล้ว ค่า BMR ซึ่งเป็น 60-80% ของพลังงานที่เราเผาผลาญทั้งวัน จะลดลงตามอายุ ซึ่งส่งผลให้เราอ้วนง่ายขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินมากขึ้นก็ตาม
สาเหตุหนึ่งที่ BMR ลดลงนั้น เกิดจากมวลกล้ามเนื้อที่ลดลงตามอายุของเรา และการเคลื่อนไหวที่น้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น
การออกกำลังกายสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญ 🔥 หรือค่า BMR และยังช่วยเพิ่มและรักษามวลกล้ามเนื้อ ทำให้การเผาผลาญดียิ่งขึ้นไปอีก
🏀 การออกกำลังกายช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการจากความเจ็บป่วยของบางโรคได้ เช่น การออกกำลังกายช่วยลดความดันและคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดหัวใจล้มเหลว💔 และช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานประเภทที่ 2
การออกกำลังกาย 🚴🏼♀️ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ และยังผลดีต่อสุจภาพจิตใจ โดยลดอัตราความวิตกกังวล และอาการซึมเศร้าได้
การออกกำลังกายทำให้นอนหลับสนิท😴 ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ ทำให้จิตใจแจ่มใส ช่วยชะลอวัย
แล้วเราควรออกกำลังกายแบบไหนดี❓
การออกกำลังกายมีหลายประเภท 🏌🏻♀️ และไม่ได้มีแบบใดดีไปกว่ากัน ตราบใดที่เราทำได้อย่างสม่ำเสมอ จึงมีคำแนะนำให้ออกกำลังกายในแบบที่เราชอบและสะดวก เพื่อที่จะได้ทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การออกกำลังกายแต่ละประเภทก็ให้ผลดีกับร่างกายต่างกันไป
👉 แอโรบิค หรือ cardio vascular exercise 🚴♀️ ช่วยเพิ่มอัตราการสูบฉีดของหัวใจ และประสิทธิภาพในการทำงานของระบบการหายใจ เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือเต้น เป็นต้น 🏊🏼♀️
👉 Strength เช่น เวทเทรนนิ่ง 🏋🏼♂️ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรงขึ้น และทำให้อัตราการเผาผลาญเพิ่มขึ้น
👉 โยคะ 🧘🏻♂️ เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เข้มข้น ช่วยในเรื่อง balance และ flexibilty ของร่างกาย อาจจะไม่ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างชัดเจน แต่มีการศึกษาพบว่า การฝึกโยคะทำให้เรามีสติเวลารับประทานอาหารมากขึ้น และผู้ฝึกโยคะที่อยากจะพัฒนา อยากจะก้มหรือเหยียดได้ไกลขึ้น ก็จะหาวิธีที่ทำให้ตัวเบาและลีนมากขึ้น
📍 ดังนั้น คำกล่าวว่า 🐽✔️ “หมูแข็งแรง” อาจจะไม่ได้แย่ไปนัก เมื่อเทียบกับ 🐽 ✖️หมูป่วย ✖️หมูอ้วนอืด
🔔 เราจึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 🙋🏼 หากออกกำลังกายได้หลายๆ ประเภท ก็จะยิ่งส่งผลดี ช่วยให้เราสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว และช่วยลดการบาดเจ็บในชีวิตประจำวันได้❗️
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
Facebook Page: อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
Youtube : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
IG : dr.cant.help
LINE : Add เป็นเพื่อนผ่าน QR Code หรือค้นหา @bluphama
สามารถมาพูดคุยกับสมาชิก และคุณหมอได้ในกลุ่มเฟซบุ้คของเราได้เลยค่ะ
Group by อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ