10 เทคนิคในการควบคุมความดันโลหิตสูง

article of 10 เทคนิคในการควบคุมความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตแบบไหนที่เรียกว่าสูง? ความดันโลหิตแบบไหนที่เรียกว่าดี?ความดันโลหิตที่ดีที่สุดที่จะถือว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด คือ 110/70 ซึ่งความดันมีอยู่ 2 ตัว คือ ความดันตัวบนและความดันตัวล่าง แล้วความดันที่ปกติ คือ ต่ำกว่า 120/80 แต่ถ้าค่าความดันเกิน 120/80 จะถือว่าเป็นความดันสูงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวบนหรือตัวล่างที่สูงก็ตาม เช่น 125/80 คือตัวบนเกินไปแล้ว อย่างนี้ก็ถือว่ามีภาวะเป็นความดันโลหิตสูง หรือ 120/85 คือตัวล่างเกิน ก็ถือว่ามีภาวะเป็นความดันโลหิตสูงเช่นกัน ซึ่งการมีภาวะความดันโลหิตสูงก็ยังไม่ได้จัดเป็นโรคความดันโลหิตสูง แล้วถ้าจัดเป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็คือ ความดันโลหิตแตะที่ 140/90 ที่จะต้องได้รับยาในการรักษาความดันโลหิต 140/90 ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงในระดับที่ 1 แต่ว่าถ้าสูงเกินกว่า 160/100 ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงในระดับที่ 2 ซึ่งบางคนยังเข้าใจผิดว่าถ้าความดันยังไม่ถึง 140/90 ยังไม่จัดว่าเป็นความดันโลหิตสูงนี่คือความเข้าใจผิด ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเกิน 120/80 ไปถือว่าเป็นความดันโลหิตสูงแล้ว เพียงแต่ว่าสูงที่อยู่ในหมวดที่ไม่จำเป็นต้องกินยา ซึ่ง 10 ข้อในที่นี้ใช้ได้กับคนที่เป็นความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้กินยาก็สามารถลองเอาไปปฏิบัติตามดูได้ หรือว่าคนที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ แล้ว กินยาแล้วแต่ก็ยังคุมได้ไม่ดีพอก็สามารถนำไปปฏิบัติดูได้เช่นกัน

1.     วัดความดันโลหิตของตัวเอง 5 ครั้ง/วัน โดยวัดในช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น และก่อนนอน

ในงานวิจัยพบว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและวัดความดันโลหิตด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ปรับยาจะสามารถคุมความดันโลหิตได้ดีมากกว่าคนที่ไม่ได้วัดความดันโลหิตด้วยตัวเอง แต่ว่าการวัดวันละ 5 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องวัดตลอดไป เป็นการเช็คดูประมาณ 1-2 สัปดาห์ เราก็จะพอรู้แล้วว่าช่วงไหนที่มีความดันโลหิตสูง หลายๆ คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ได้เช็คความดันด้วยตัวเอง เช่น หมอจ่ายมา 3 เดือนก็กินยาตามที่หมอสั่งไปเรื่อยๆ 3 เดือน ผ่านไป 3 เดือนค่อยไปวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาลทีหนึ่ง แบบนี้ก็ไม่สามารถคุมความดันได้ดีทีนี้ถ้าเรามีการวัดความดันด้วยตัวเองต่อเนื่องมา 1 สัปดาห์แล้ว เราก็จะรู้ว่าความดันโลหิตของเราช่วงไหนที่สูง บางคนช่วงบ่ายสูง บางคนไปสูงในช่วงก่อนนอนก็มี

2.     การใช้ยาและการแบ่งกินยาคุมความดัน

ค้นพบแล้วว่า คนที่ปัญหาเรื่องของเส้นเลือดในสมองแตก โดยมากแล้ว 80% มักเป็นคนที่มีความดันโลหิตสูง แล้วเวลาเกิดเหตุมักจะเกิดในช่วงกลางคืน ซึ่งความดันโลหิตก่อนช่วงที่จะเช้าคือ สูงที่สุด แต่ว่าทุกคนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป แล้วเมื่อเรารู้แล้วว่าช่วงเวลาไหนที่เรามีความดันโลหิตสูงจะทำให้เรามีการแบ่งการกินยาได้ดีขึ้น โดยมากแล้วคนที่เป็นความดันโลหิตสูงมักจะกินยาในตอนเช้ารวบไปเลย ซึ่งยาบางตัวเมื่อผ่านไปแล้ว 8-12 ชม. ความสามารถที่จะคุมความดันทำได้ไม่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นบางคนที่กินยา 2 ชนิด หรือ 2 อย่างก็สามารถที่จะแบ่งยากินก็ได้ เช่น ถ้าความดันสูงในช่วงตอนเย็น ก็อาจจะทานยาในตอนเช้าตัวหนึ่ง และช่วงบ่ายอีกตัวหนึ่ง (ทานอีกตัวหลังจาก 8 ชม. หลังจากที่ได้รับยาไปในตอนเช้า) เพื่อที่จะได้คุมความดันในช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืนให้ดีขึ้น ถ้าเราสามารถปรับยาได้เองแบบนี้จะสามารถคุมความดันโลหิตของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือเราอาจจะวัดความดันแล้วนำไปปรึกษาคุณหมอดูก่อนก็ได้

เทคนิคหนึ่งในการใช้ยาคุมความดัน ซึ่งหลายๆ คนเมื่อใช้ยาคุมความดัน 1 ชนิด แล้วยังคุมความดันได้ไม่ดี บางคนจึงใช้การเพิ่มปริมาณมิลลิกรัมของยา เช่น จากที่กินอยู่ 5 แต่คุมได้ไม่ดีจึงเพิ่มเป็น 10 เพื่อที่จะคุมความดันให้ดีมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วการใช้ยาคุมความดันจะดีมากกว่าถ้าเราใช้ยาคุมความดันในปริมาณน้อยๆ แล้วก็หลายๆ ชนิดรวมกัน เช่น การใช้ยาความดันชนิดที่ 1 สักครึ่งหนึ่งกับใช้ยาคุมความดันชนิดที่ 2 อีกครึ่งหนึ่ง แล้วนำมารวมกันจะได้ผลดีกว่าใช้ยาตัวเดียวที่เพิ่มปริมาณโดสขึ้นไป การที่ใช้ยาขนาดๆ ต่ำๆ แต่หลายตัวจะช่วยคุมความดันได้ดีกว่า แล้วก็ทำให้ผลข้างเคียงของยาต่างๆ มีน้อยลงด้วย

3.     การควบคุมและลดปริมาณของกรดยูริก

หลายคนมีกรดยูริกสูงในเลือด ไม่ได้มีอาการปวดข้อ เป็นเก๊า หลายคนจึงละเลยไปและไม่ได้สนใจมากนัก จริงๆ แล้วยูริกที่สูงในเลือดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันสูงและก็ทำให้ไตวายได้

วิธีลดยูริกโดยธรรมชาติ คือ 1. ต้องคุมเรื่องอาหาร พยายามลดน้ำตาลผลไม้ แล้วก็ยูริก 75% ขับออกทางปัสสาวะ เพราะฉะนั้นควรดื่มน้ำเยอะๆ จะทำให้ปริมาณของยูริกน้อยลง 2. การใช้ยาลดกรดยูริก ถ้าสามารถลดกรดยูริกลงได้ตัวความดันโลหิตก็จะลดลงด้วย

4.     การงดกินเค็ม หรือ การลดเกลือ

คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่แนะนำให้กินน้ำซุป ไม่ว่าจะน้ำก๋วยเตี๋ยว ต้มจืด หรือน้ำซุปใดๆ ก็ตาม เช่น เมื่อเราสั่งก๋วยเตี๋ยวน้ำมา สามารถกินได้ในพวกเนื้อ เส้น ลูกชิ้น แต่ไม่ควรกินน้ำซุป เพราะว่าในน้ำซุปจะมีเกลือ มีน้ำตาลต่างๆ ปนอยู่ในน้ำซุปอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ได้กินน้ำซุปปริมาณเกลือต่างๆ ก็จะน้อยลง แต่ถ้าใครที่ทำอาหารกินเองที่บ้านแนะนำให้เปลี่ยนซีอิ้ว น้ำปลา ซึ่งจะมีซีอิ้ว น้ำปลา ที่มีสูตรการลดปริมาณโซเดียมลงไป 40% ซึ่งมีการทดแทนด้วยเกลือโพแทสเซียมที่จะดีกับความดันของเรามากกว่า

5.     การกินพวกธัญพืชต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เพราะว่าในธัญพืชมีแมกนีเซียมเยอะ ซึ่งแมกนีเซียมจะช่วยลดในเรื่องของความดันโลหิตสูงได้

6.     การทำ IF (Intermittent Fasting)

การทำ IF ที่ 18/6 หมายความว่า กินอยู่ในช่วง 6 ชม. แล้วก็ Fasting 18 ชม. จะทำให้คุมความดันได้ดี ความดันลดลงมากขึ้น บางคนทำได้ 24 ชม. ความดันก็จะยิ่งดีขึ้น

7.     ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายจะช่วยให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดเราดีขึ้น ก่อนออกกำลังกายลองวัดความดันของเราดูก่อน แล้วเมื่อเราออกกำลังกายเสร็จแล้ว นั่งพัก 15-30 นาที แล้วลองเช็คความดันซ้ำอีกรอบ รับรองว่าความดันจะลดลงทันที เพราะว่าการออกกำลังกายจะมีการสร้างสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ไนตริกออกไซด์ ขึ้นมา ซึ่งไนตริกออกไซด์จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นหลังออกกำลังกายจึงทำให้ความดันดีขึ้น

8.     น้ำหนักตัว

หลายคนที่อ้วน แล้วมีความดันโลหิตสูง แล้วลองลดน้ำหนักดู ไม่ว่าจะเป็นการทำ IF การออกกำลังกาย หรือการลดน้ำซุปก็ถือว่าเป็นการลดปริมาณแคลลอรี่ที่เรากินเข้าไป เวลาที่เราลดน้ำหนักความดันของเราก็จะลดลงลงด้วย การลดน้ำหนักทุกๆ 1 กก. จะสามารถลดความดันตัวล่างได้ประมาณ 1.1 มิลลิเมตรปรอท และลดความดันตัวบนได้ประมาณ 1.6 มิลลิเมตรปรอท เพราะฉะนั้นหมายความว่า ถ้าเราลดน้ำหนักได้ประมาณ 5 กก. อาจจะทำให้ความดันตัวบนลดลงได้ประมาณ 8-10 มิลลิเมตรปรอท และความดันตัวล่างลดลงประมาณ 5-6 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย

9.     การนอน

การนอนหลายคนจะรู้เลยว่า วันไหนที่นอนไม่ดี นอนน้อย นอนไม่พอ ความดันจะพุ่งขึ้นสูง ยาความดันที่กินอยู่เดิมๆ จะไม่สามารถคุมได้แล้ว หลายคนที่มีปัญหาในเรื่องของการหยุดหายใจระหว่างนอน ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของการเกิดความดันโลหิตสูง ในคนที่รู้สึกว่านอนดีแล้ว แต่ตื่นมายังรู้สึกเพลียให้ลองไปตรวจดูในเรื่องของ Sleep Test ดูว่ามีภาวะการหยุดหายใจระหว่างนอนหรือไม่

10.  การใช้อาหารเสริม

อาหารเสริมสามารถใช้ได้ในคนที่มีความดันโลหิตสูงที่กินยาแล้วหรือยังไม่ได้กิน แนะนำให้ทาน คือ

  • แมกนีเซียม ผู้ป่วยความดันมักขาด ถ้าได้รับไปอย่างพอเพียงความดันโลหิตลดลง
  • L-Arginine เมื่อกินเข้าไปจะช่วยให้ร่างกายเราสร้างไนตริกออกไซด์ได้มากขึ้น ซึ่งไนตริกออกไซด์จะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น และมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น
  • CoQ10 ลดการอักเสบของหลอดเลือด ป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะหลอดเลือด
  • Fish Oil ช่วยเรื่องหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยเรื่องสมอง

ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
Facebook Page: อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
Youtube : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
IG : dr.cant.help
LINE : Add เป็นเพื่อนผ่าน QR Code หรือค้นหา @bluphama

สามารถมาพูดคุยกับสมาชิก และคุณหมอได้ในกลุ่มเฟซบุ้คของเราได้เลยค่ะ
Group by อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ

ติดต่อเรา