ทำไมเราถึงแก่? จะชะลอความแก่ได้ยังไง?

เมื่อราวๆ 2 ปีก่อน Dr. David Sinclair เชื่อว่าเราสามารถย้อนวัยได้ แม้การทดลองของเขาจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่เขาสามารถแก่อาการมองไม่ชัดในหนูวัยชราได้แล้ว นั่นสร้างความฮือฮาให้กับวงการแพทย์ได้พอสมควรเลยค่ะ วันนี้อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอจึงอยากขอเอาเรื่องราวของการชะลอวัยมาเล่าให้ฟัง พร้อมทั้งวิธียื้อมันเอาไว้ให้เราสุขภาพร่างกายอ่อนวัยยาวนาน 

เหตุผลของความชราภาพ?

ยามเช้าที่คนต่างเพศต่างวัยวิ่งกันเต็มสวยสาธารณะ ทำไมเราถึงเห็นคุณลุงวัย 60 บางคนออกแรงวิ่งได้สบายในขณะที่วัยรุ่นบางคนกลับยืนพิงต้นไม้ เหนื่อยง่ายและอ่อนแอกว่า? ความแก่ที่แท้จริง ไม่ได้วัดที่ระยะเวลาว่าเราอยู่บนโลกใบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ไม่ได้วัดอายุตั้งแต่เราเกิด แต่คืออายุทางชีวภาพ หรือความแก่ชราในระดับเซลล์ต่างหากค่ะ 

แน่นอนว่าการสูบบุหรี่จัด ทานหวานมากๆ พักผ่อนนอนน้อย ทำให้คุณแลดูแก่ลง อย่างรวดเร็ว ทั้งผมหงอก ผิวหนังเหี้ยวย้น สายตาพร่ามัว แต่อะไรในร่างกายกันเปลี่ยนแปลงไปเพราะพฤติพฤติกรรมเหล่านี้

มีอยู่หลายเหตุการณ์ด้วยกันค่ะที่ทำให้เซลล์ของเราชราลง เช่น การหดสั้นของทีโลเมียร์ (Telomeres) ทีโลเมียร์ คือ DNA ส่วนปลายของโครโมโซม มีหน้าที่เหมือนกับกระจุกปลายของเชือกรองเท้า มันป้องกันสาย DNA ไม่ให้หลุดลุ่ย ทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว เจ้าทีโลเมียร์นี้จะสั้นลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัวได้อีกและเสื่อมสลาย เป็นสาเหตุเซลล์ชรานั่นเองค่ะ

หรือ การสะสมของเซลล์ชรา (senescenct cells) ที่หยุดนิ่งและไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก เป็นเหมือนซอมบี้ที่ตายไปแล้วแต่ยังคอยแพร่เชื้อ ส่งผลให้เกิดการอักเสบต่อเซลล์รอบข้างและเกิดโรคชราและโรคอื่นๆ ตามมา

และปัจจัยอื่นๆ รวมทั้งหมด 9 เหตุการณ์ ที่ก่อให้เกิดความชราภาพ (Hallmark of Aging) แต่วันนี้เราอยากพูดถึงปัจจัยหนึ่งที่เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงของภาวะเหนือพันธุกรรม (epigenome) ที่ Dr. David Sinclair เชื่อว่ามันคือสาเหตุที่แท้จริงของความชราภาพ ที่มันน่าสนใจ ก็เพราะแนวคิดนี้อาจไม่เพียงทำให้เราสามารถชะลอวัยแต่อาจพัฒนาไปจนทำให้มนุษย์สามารถย้อนวัยได้เลยทีเดียวค่ะ

Epigenome, Histone และ DNA Methylation คืออะไร? 

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าค่ะ ในทุกๆ เซลล์กว่า 37.2 ล้านล้านเซลล์ ในร่างกายจะมี DNA ชุดเดียวกัน เราจึงสามารถตรวจดีเอนเอจากเส้นผม เล็บหรือผิวหนังก็ได้ แต่เซลล์ที่ต่างชนิดกันแต่ละชนิดจะมี epigenome ที่ต่างกันค่ะ 

epigenome จะทำหน้าที่เปิดและปิดจีโนมที่เซลส์ต้องอ่านตามหน้าที่ของมัน สั่งการว่าเซลล์นั้นจะเป็นเซลล์อะไรตั้งแต่เรายังอยู่ในท้องแม่ เช่น เป็นเซลล์ผิวหนัง เป็นเซลล์กล้ามเนื้อ เสมือนกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีคนทำงานหลายพันคน epigenome เป็นเหมือนผู้จัดการฝ่ายบุคคลคอยแบ่งหน้าที่คนในบริษัท แผนกบัญชีมีหน้าที่ตรวจการเงินในบริษัทไม่ต้องออกไปทำยอดขาย ส่วนแผนกขายก็ไปทำยอดไม่ต้องนั่งตรวจบัญชี เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติสุขค่ะ

epigenome ที่ว่านี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโปรตีนชื่อฮิสโทน (Histone) ที่จะทำหน้าที่มัดรวมให้ดีเอนเอเกาะกันแน่น แต่ยิ่งเวลาผ่านไป  เซลล์ของเราจะแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ทดแทนเซลล์ที่กำลังจะตาย การแบ่งตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะทำให้เจ้าฮิสโทนอ่อนกำลังและคลายตัว อยู่ผิดที่ผิดทาง ซ้ำยังทำให้ DNA Methylation (กระบวนการเติมเอทิลเข้าไปในดีเอนเอ) เพิ่มมากขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงของฮิสโทนและ DNA Methylation ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เซลล์มีตำหนิ จนการสั่งการให้เปิดและปิดของ epigenome ไม่ดีอย่างเดิม มันอาจสั่งงานรวนให้แผนกบัญชีออกไปคุยกับลูกค้า แล้วสั่งการให้แผนกขายไปแพ็คของลงกล่องแทน แล้วให้แผนกแพ็คของมาทำยอดขาย ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะว่าบริษัทแบบนี้จะวุ่นวายขนาดไหน นี่เองคือการเปลี่ยนแปลงของภาวะเหนือพันธุกรรมค่ะ การมองเห็นไม่ชัดของคนแก่ เหตุผลหนึ่งเกิดจากเซลล์ตาที่ถูก epigenome สั่งงานรวนจนบางส่วนกลายไปไม่ใช่เซลล์ตาอีกแล้ว 

จากการสำรวจปริมาณและรูปแบบการเกิดขึ้นของ DNA Methylation ในเซลล์ ผู้เชี่ยวชาญสามารถบอกอายุเซลล์และอาจคาดเดาเวลาตายของคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียวค่ะ ปริมาณของมันยิ่งมาก ยิ่งทำให้เกิดความชราภาพมากตาม ดังนั้น ภารกิจที่ต้องทำให้ได้เพื่อชะลอความแก่คือการลดหรือชะลอการเสื่อมสภาพของ epigenome ให้ได้มากที่สุด 

หนทางสู่ความเยาวัย

ย้อนกลับไปหลายล้านปีก่อน วิวัฒนาการที่สำคัญมากอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในแบคทีเรีย มันพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตออกเป็น 2 แบบ คือ ช่วงสงบที่ใช้พลังงานเพื่อเติบโตและสืบพันธ์ุ และช่วงสภาพแวดล้อมเลวร้ายที่ใช้พลังงานเพื่อป้องกันและซ่อมแซม รูปแบบหลังนี่เองที่พัฒนาเป็นยีนอายุยืน (longevity gene) มันจะควบคุมการแก่ชราของเซลล์ด้วยการกระตุ้นการฟื้นฟูโปรตีนและเอนไซต์ที่ช่วยคงสภาพ epigenome

เช่นเดียวกับในแบคทีเรียเมื่อหลายล้านปีก่อน longevity gene ในร่างกายของเราจะตื่นขึ้นเมื่อมันรับรู้ว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมเลวร้าย ต้องตื่นตัว ระวังตัว เกิดความตึงเครียดกับร่างกาย (แน่นอนว่าไม่ใช่สถานการณ์ที่อันตรายถึงแก่ชีวิต) เช่น ตอนวิ่ง หายใจหอบ รู้สึกร้อนไปหรือหนาวไป 

Longevity gene เหล่านั้น ได้แก่ เช่น Sirtuins (Silent Information Regulator) คอยควบคุมข้อมูลในเซลล์ เจ้า Sirtuins มีอยู่ในไวน์แดงด้วยนะคะ, AMPK (AMP-activated Protein Kinase) ช่วยสมดุลระดับพลังงาน, mTOR (mammalian Target of Rapamicin) ตรวจจับปริมาณกรดอะมิโนที่เรากิน, NMN (Nicotinamide Mononucleotide) สารตั้งต้นของ NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) ที่ทำงานควบคู่กับ Sirturns

Dr. David Sinclair และทีมวิจัยเพิ่ม longevity gene ในหนูแฝดวัย 20 เดือน (เทียบเท่ากับ 7 ปีสำหรับมนุษย์) ด้วยการให้ NMN ซึ่งเป็นสารตั้งต้น NAD+ ผลที่ได้คือ หนูที่ได้รับ NMN สามารถวิ่งได้ไกลกว่าถึง 56-80% มันแข็งแรงกว่าและ มีสายตาที่ดีกว่า

แต่หากเราไม่อยากทาน NMN โดยตรง แล้วเราทำอะไรได้บ้างในชีวิตประจำ เพื่อเพิ่ม Sirturns, NMN, NAD+ หรือเอ็นไซม์อายุยืนตัวอื่นๆ เพื่อคงสภาพ epigenome ของเราไว้ 

  1. เลี่ยงพฤติกรรมทำลายเซลล์ : เพื่อลดการแบ่งเซลล์ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิด DNA Methylation เช่น การทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการทำลายเซลล์จากรังสียูวี งดบุหรี่
  2. ปล่อยให้ตัวเองหิว : การกินมากทำให้ ไมโตคอนเดรียที่ทำหน้าที่สังเคราะห์พลังงานทำงานมากขึ้น ในการสังเคราะห์นั้นต้องใช้ NAD+ เช่นกัน ทำให้เซลล์ที่เสื่อมมี NAD+ ใช้น้อยลง การอดอาหารจึงทำให้ NAD+ มีมากพอที่เซลล์จะเอาไปใช้ การทำ IF (Intermittent fasting) ที่คุมเวลากินและอด จึงมีประโยชนเรื่องการชะลอวัยด้วยค่ะ
  3. ออกกำลังกาย : การออกกำลังกายแบบ HIIT, ออกกำลังประเภท cardio แม้แต่การระยะไกล การออกกำลังที่มีความต่อเนื่องและดึงให้ร่างกายคิดว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ เนื่องจากความตึงเครียด นั่นจะช่วยเพิ่ม NAD+ ได้นั่นเองค่ะ
  4. อยู่ในอากาศเย็นจัดบ้าง : อาบน้ำเย็นจัด อยู่นอกบ้านในช่วงหน้าหนาว การอยู่ในอากาศเย็นจัดบ้างจะช่วยไขมันสีน้ำตาล (brown adipost tissue/BAT) เป็นเซลล์ไขมันดีที่ช่วยเผาผลาญไขมันและน้ำตาลได้ดี 
  5. กินอาหารจากพืช : เวลาที่คุณทานเนื้อสักชิ้น กรดอะมิโนจำนวนมากจะถูกตรวจจับโดย mTOR ซึ่งมันจะคอยบอกให้เซลล์เติบโต แทนที่จะซ่อมแซมมัน

Dr. Sinclair เอาใช้ชีวิตด้วยการกินเพียงมื้อหรือสองมื้อ ใช้วิธี fasting ทานอาหารจากผักเป็นหลัก อาบน้ำเย็น อบซาวน่า ปล่อยให้ตัวเองหนาวก่อนนอน ออกกำลังกายเป็นประจำ หลีกเลี่ยงของหวานและแป้งให้มากที่สุด ลองไปค้นชื่อดูหน้าของเขาดูค่ะ คุณเชื่อไหมว่าชายคนนี้อายุครึ่งร้อยไปแล้ว

การชะลอวัยจึงมิใช่เพียงแค่การทำให้ดูอ่อนวัย แต่คือความอ่อนเยาว์ตั้งแต่ผิวหนังยันปอด ไต อวัยวะภายในและนอก ในปัจจุบันเราไม่อาจทำให้เซลล์เป็นอมตะได้ แต่ที่ทำได้คือการชะลอความชราที่คลืบคลานเข้ามาให้ช้าที่สุด

นี่เป็นเหมือนการยืนยันอีกข้อหนึ่งถึงประโยชน์ของการออกกำลังกาย พฤติกรรมการกินและการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง เพราะหลายครั้งที่เหตุผลเรื่องความอ้วนกับโรคร้ายไม่เพียงพอจะกระตุ้นให้คนหันมาดูสุขภาพได้ เพราะด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ใครก็คิดอยากฝากชีวิตไว้กับหมอหมด คราวนี้เราเลยจูงใจคุณด้วยความอ่อนเยาว์และเวลาชีวิตที่ยาวนานขึ้น คุณจะได้มีเวลาทำเรื่องสนุกๆ อีกมาก ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักอีกมาก ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพกันเถอะค่ะ

ด้วยความห่วงใยจาก อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอค่ะ 🙂 

ที่มา
Link1 Link2 Link3 Link4 Link5 Link6
Link7 Link8 Link9 Link10 Link11 Link12

ติดต่อเรา