ภัยจากเครื่องดื่มสุขภาพ

น้ำผลไม้ นม เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ไม่มีอันตรายจริงหรือไม่?

น้ำผลไม้ คนหลายคนคิดว่า น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ จริงหรือไม่ ลองมาดูกัน…

คำถาม : น้ำผลไม้กับน้ำอัดลมอะไรน้ำตาลเยอะกว่ากัน?

ในน้ำผลไม้ 100% ไม่ใช่น้ำผลไม้ 40% ที่เติมน้ำตาล เมื่อเทียบกับน้ำอัดลมแล้ว พบว่า น้ำผลไม้มีน้ำตาลเยอะกว่าน้ำอัดลม ซึ่งน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงที่สุด คือ CocaCola (โคคาโคล่า) มีน้ำตาล 21-22 กรัม (หรือแล้วแต่ยี่ห้อ) ส่วนน้ำผลไม้ 100% มีน้ำตาล 24 กรัม ซึ่งน้ำตาลมากกว่าน้ำอัดลม แล้วน้ำตาลพวกนี้เป็นน้ำตาลฟรุกโตส (Fructose)

น้ำผลไม้ที่ได้รับความนิยม มี 2 รสชาติ คือ 1.) น้ำแอปเปิ้ล มีน้ำตาลประมาณ 24 กรัม เยอะกว่าน้ำอัดลมทุกชนิด 2.) น้ำส้มแท้ 100% มีน้ำตาลเท่ากับโคคาโคล่า คือ 21 กรัม ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้เป็นน้ำตาลฟรุกโตส

คำถาม : ใครบ้างไม่ควรทานน้ำผลไม้?

คนที่ไม่ควรทานน้ำผลไม้ คือ คนที่เป็นโรคเบาหวาน, คนที่เป็นเก๊าท์, คนที่มีกรดยูริกสูง ไม่ควรทานน้ำผลไม้ เพราะว่าน้ำตาลฟรุกโตสทำให้กรดยูริกสูง คนไข้หลายคนเป็นเก๊าท์ แล้วเขาทานมังสวิรัติ เขาไม่ได้ทานเป็ด ทานไก่ แล้วทำไมเขาถึงมีกรดยูริกสูง? พบว่า คนไข้บางคนติดน้ำผลไม้ และกรดยูริกเป็นต้นเหตุที่ทำเกิดความดันโลหิตสูง หลายคนมีกรดยูริกสูง ไม่ปวดข้อหรือไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้าปล่อยให้กรดยูริกในเลือดสูงไปนานๆ สุดท้ายแล้วจะเป็นความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดไตวายได้ด้วย เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่มีกรดยูริกสูงควรระวังเรื่องการทานน้ำผลไม้

สรุปคือ คนที่เป็นเก๊าท์มีกรดยูริกสูงไม่ควรทานน้ำผลไม้ คนที่เป็นความดันก็ไม่ควรทานน้ำผลไม้เช่นกัน เพราะถ้ากรดยูริกสูงก็จะทำให้ความดันสูงด้วย คนที่เป็นโรคไตวายก็ไม่ควรทานน้ำผลไม้ และโรคไตวายเครื่องดื่มต้องห้าม คือ น้ำอัดลม เพราะว่าฟอสเฟตในน้ำอัดลมจะยิ่งทำให้ค่าไตแย่ลง และไตทำงานหนักมากขึ้น จึงไม่ควรทานน้ำผลไม้ ถ้าจะทานให้ทานเป็นผลไม้สดเลยจะดีกว่า เพราะว่าเวลาที่ทานผลไม้สดจะได้ไฟเบอร์ ได้กากใยอาหารเข้าไปด้วย แต่เวลาที่ทานน้ำผลไม้จะได้แค่ตัวที่เป็นน้ำและน้ำตาลเท่านั้น

คำถาม : น้ำผลไม้มีวิตามินไหม?

น้ำผลไม้ถ้ามีการผ่านกระบวนการการพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization) ต่างๆ ยิ่งเมื่อโดนความร้อนสิ่งเหล่านี้จะทำให้วิตามินหายไป แทบจะหมดไปเลย ทำให้วิตามินน้อยลงมาก ถ้าคิดว่าจะทานน้ำผลไม้เพื่อให้ได้วิตามิน ควรทานเป็นผลไม้สดเลยจะดีกว่า แล้วในส่วนของน้ำผึ้ง น้ำผึ้งเป็นน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งสามารถทานได้แต่ควรทานในปริมาณที่ไม่เยอะจนเกินไป

นม

นมจืด มีน้ำตาลประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำอัดลม หมายความว่า ถ้าคุณทานนมจืด 2 กล่อง เท่ากับทานน้ำอัดลม 1 ขวด…

นมแลคโตสฟรี (Lactose Free)

นมแลคโตสฟรีมีน้ำตาล ซึ่งปกติหลายคนเวลาทานนมแล้วจะมีอาการท้องอืด ท้องเสีย คือ ร่างกายย่อยนมไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะคนเอเชียที่ไม่ค่อยทานนม ในร่างกายเราจะมีน้ำย่อยที่ชื่อว่า แลคเตส (Lactase) ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ซึ่งถ้าย่อยไม่ได้เลยเกิดอาการท้องอืด

นมแลคโตสฟรี คือ การเอาเอนไซม์แลคเตส (Lactase) ใส่ลงไปในนมเพื่อย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม น้ำตาลแลคโตสจะถูกย่อยกลายเป็นกลูโคส (glucose) กับ กาแลคโตส (galactose) แต่ว่าในนมแลคโตสฟรีจะมีน้ำตาลน้อยกว่าในนมปกติ ควรทานในตระกูลนมอัลมอนด์จะดีกว่า เพราะว่าจริงๆ แล้ว ในนมวัวจะมีโปรตีนตัวที่เป็นเคซีน (Casein) เยอะ ซึ่งตัวเคซินย่อยยากและทำให้เกิดภูมิแพ้

คำถาม : ทำไมนมไม่เห็นหวาน?

เพราะว่าในนมจืด มีน้ำตาลรสจืดที่เรียกว่า น้ำตาลแลคโตส ยิ่งนมพร่องมันเนยยิ่งมีน้ำตาลเยอะกว่า ถ้าจะทานนมที่น้ำตาลน้อยไม่ควรทานนมพร่องมันเนย ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรทานนม ไม่ว่าจะเป็นนมชนิดไหน เพราะว่านมทุกชนิดมีฟอสเฟตเยอะหมด แล้วทำให้ไตทำงานหนักขึ้น

คำถาม : ถ้าชอบทานนม หมอแนะนำให้ทานนมอะไร?

แนะนำพวกนมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอ นมวอลนัท แต่คนที่เป็นโรคไตไม่ควรทานนมเลย ไม่ว่าจะนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมอะไรก็ตาม คือ ห้ามทานเลย เพราะว่าในนมมีฟอสเฟตเยอะ

น้ำเต้าหู้ หลายคนคิดว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ แต่ถ้าใส่น้ำตาลเยอะหรือใส่คอฟฟี่เมตก็จะมี Trans Fat ด้วย แล้วถ้าไปทานน้ำเต้าหู้ก้นหม้อ ยิ่งไม่ดี เพราะว่าตัวน้ำมันในถั่วเหลืองทนความร้อนไม่ได้ เวลาที่โดนความร้อนก็จะเปลี่ยนเป็น Trans Fat ยิ่งถ้าไปทานน้ำเต้าหู้ก้นหม้อที่มีการเคี่ยวไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งมี Trans Fat มากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าอยากทานเป็นน้ำเต้าหู้ ควรทำเอง โดยนำถั่วเหลืองสดมาจะดีกว่า (นมเปรี้ยว น้ำตาลก็เยอะมากเช่นกัน)

 คำถาม : คนท้องหมอแนะนำให้ทานนมวัว?

ปกติการให้ทานนมวัว เพราะต้องการให้ได้โปรตีน แคลเซียม ส่วนตัวหมอแนะนำว่า โปรตีนหาจากแหล่งอื่นได้ เช่น ไข่ ส่วนแคลเซียมก็ทานพวกปลาเล็กปลาน้อย ซึ่งหลายคนจะคิดว่านมช่วยเสริมเรื่องกระดูกบาง กระดูกพรุน มีงานวิจัยที่ศึกษาในประเทศต่างๆ ประเทศที่ยิ่งทานนมวัวเยอะ ยิ่งมีประวัติเรื่องกระดูกบาง กระดุกพรุน และกระดูกหักสูงกว่า ส่วนประเทศที่มีกระดูกหักน้อยที่สุด คือ ญี่ปุ่น ซึ่งพบว่าคนญี่ปุ่นทานนมวัวกันน้อยมาก เพราะฉะนั้นนมไม่สามารถช่วยเรื่องกระดูกบาง กระดูกพรุนได้

คำถาม : เครื่องดื่มสุขภาพที่สามารถทานได้จริงๆ?

คือ น้ำแร่ น้ำแร่ดีต่อสุขภาพ มีแร่ธาตุทำให้ร่างกายเป็นด่าง การที่ร่างกายเป็นด่างทำให้ไตทำงานเบาลง แร่ธาตุก็ทำให้ไตทำงานเบาลงด้วยเช่นกัน น้ำแร่ที่โซเดียมน้อยๆ คือ ยี่ห้ออร่า มีความเป็นด่าง ph7.2 แต่ถ้าอยากได้น้ำแร่ที่มีความเป็นด่างสูง คือ Icelandic มีความเป็นด่าง ph8.4

น้ำอีกอย่างหนึ่ง คือ โซดา หรือ Sparkling water ซึ่ง Sparkling water จะดีกว่าโซดาตรงที่มีกลิ่น จึงทำให้เราสดชื่นขึ้น ซึ่งน้ำ Sparkling water หรือโซดาทำให้ร่างกายเป็นด่าง เพราะมีการนำเอาคาร์บอนไดออกไซด์ไปเป็นสารตั้งต้นในการสร้างคาร์บอเนตจึงทำให้ร่างกายเป็นด่างได้เหมือนกัน

น้ำวิตามิน คุณหมอยังไม่เคยไปดูฉลากชัดๆ แต่เท่าที่จำได้ คือ ไม่มีน้ำตาล แต่ใส่วิตามินมาเล็กน้อยเท่านั้น ควรทานน้ำแร่จะดีกว่า

สรุปคือ น้ำที่ควรทาน คือ น้ำแร่ น้ำโซดา หรือ Sparkling water แต่ถ้าใครติดทานน้ำหวานลองใช้ตัว Fresh Doze มาใส่จะมีรสชาติหวาน  ใส่โซดาก็จะซ่าหรือจะไปกิน Sparkling water รสชาติต่างๆ ก็ได้เช่นกัน


ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
Facebook Page: อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
Youtube : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
IG : dr.cant.help
LINE : Add เป็นเพื่อนผ่าน QR Code หรือค้นหา @bluphama

สามารถมาพูดคุยกับสมาชิก และคุณหมอได้ในกลุ่มเฟซบุ้คของเราได้เลยค่ะ
Group by อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ



ติดต่อเรา