💪 6 เหตุผลที่ควรเลือกรับประทานโปรตีนจากพืชมากกว่าโปรตีนจากสัตว์ 🫘 🥜
.
โปรตีน เป็นสารอาหารจำเป็นที่ต้องบริโภคทุกวัน เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ กระดูกและผิวหนัง ทั้งยังใช้เพื่อการเจริญเติบโตโดยเฉพาะในเด็กอีกด้วย
.
อย่างที่เรารู้กันดีว่า โปรตีนหาได้ง่ายในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ นม ไข่ รวมทั้งของแปรรูปต่างๆ อย่างเนยและชีส แต่จากการศึกษาหลายต่อหลายปี งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า โปรตีนจากสัตวนั้นส่งผลเสียกับสุขภาพหลายข้อ จนทำให้ผู้คนที่สนใจเกี่ยวกับสุขภาพหันมารับประทานโปรตีนจากพืชกันมากขึ้น
.
จากการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้คุณค่าทางสารอาหารของโปรตีนจากสัตว์จะมาก แต่ไขมัน คอเลสเตอรอล และความเสี่ยงจากโรคอันตรายต่างๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย หากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป
.
งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กลุ่มคนที่ทานโปรตีนจากพืชติดต่อกัน มีโอกาสเสี่ยงจะเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ น้อยกว่ากลุ่มคนที่ทานโปรตีนจากสัตว์ถึง 31% เลยค่ะ
.
และต่อไปนี้คือเหตุผลหลักๆ ที่เราอยากเทียบให้เห็นว่า โปรตีนจากพืชนั้นดีกว่าโปรตีนจากสัตว์ยังไงบ้าง? แล้วทำไมเราจึงควรเลือกทานโปรตีนจากพืชเสริมนอกเหนือจากโปรตีนจากสัตว์กันค่ะ
.
1. มีสารอาหารมาก แคลอรี่น้อย โปรตีนจากพืชนั้นมีสารอาหารพอๆ กันกับโปรตีนจากสัตว์ ครบถ้วนทั้งวิตามิน A, K, B5, B6, B7, ไนอาซิน และไทอามีน จะต่างก็เพียงแต่วิตามินกลุ่ม B12 ที่หาไม่ค่อยได้ในพืช แต่สามารถหาทดแทนได้จากเห็ดและสาหร่ายค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นโปรตีนจากพืชสามารถให้สารอาหารที่มากกว่าในปริมาณที่เท่ากันด้วยแคลอรี่ที่น้อยกว่ามาก
.
2. ปราศจากไขมันเลว ไขมัน คือ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เนื้อสัตว์รสชาติอร่อยถูกปากกว่าพืชผักมาก แต่นั่นก็ตามมาด้วยโทษเช่นกัน ไขมันในเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่แล้วเป็นไขมันอิ่มตัวที่ส่วนใหญ่ถูกจัดว่าอยู่ในไขมันประเภทเลว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ ในขณะที่อะโวคาโด ธัญพืช ถั่วชนิดต่างๆ และปลานั้น อุดมไปด้วยไขมันดีที่ดีต่อสุขภาพ
.
3. มีใยอาหารสูง แม้ในสัตว์จะมีโปรตีนพอๆ กัน แต่สิ่งที่โปรตีนสัตว์ด้อยกว่าโปรตีนพืชมากก็คือ โปรตีนพืชมีใยอาหารหรือไฟเบอร์ (fiber) ในขณะที่โปรตีนสัตว์แทบจะไม่มีเลย ซึ่งไฟเบอร์จะไปช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก ล้างพิษในลำไส้ ลดการดูดซับน้ำตาลและไขมัน ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และป้องกันโรคหัวใจด้วยค่ะ
.
4. มีสารช่วยป้องกันมะเร็ง องค์กรอนามัยโลกได้เตือนไว้ว่า การบริโภคเนื้อแดง (เนื้อหมู เนื้อวัว) เนื้อสัตว์แปรรูป (ไส้กรอก เบคอน แฮม) เนื้อผ่านการปิ้งย่าง ยิ่งไหม้เกรียมยิ่งเสี่ยงเกิดมะเร็งมากยิ่งขึ้น เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ในพืชจะไม่มีสารก่อมะเร็งนั้น แถมยังมีไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ในกลุ่มเบต้าแคโรทีน ไลโคปีน ลูทีน ซีแซนทีน หรือฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด แล้วยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
.
5. มีสารเจือปนน้อยกว่า การเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในปัจจุบันนั้นมักถูกเจือปนจากกระบวนการแปรรูปและเลี้ยงดู เช่น ในเบคอน ไส้กรอก และเนื้อแปรรูปชนิดอื่นๆ มักมีโซเดียมสูงจากกระบวนการแปรรูป ส่งผลเสียกับความดันโลหิตได้ ทั้งยังมีสารก่อมะเร็งมากมาย แล้วเชื่อหรือไม่ว่า ในแต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่เกิดจากเนื้อแดงสูงถึง 5 หมื่นรายเลยทีเดียวค่ะ
.
6. สุขภาพดีกว่าในระยะยาว จากงานวิจัยที่ได้ทำการเปรียบเทียบสุขภาพของคนสองกลุ่ม ระหว่างกลุ่มที่ทานโปรตีนพืชและโปรตีนสัตว์เป็นหลัก โดยที่คนทั้งสองกลุ่มมีปัจจัยทางสุขภาพเหมือนกันๆ เช่น น้ำหนัก กิจวัตรประจำวัน อาชีพ กลุ่มสังคม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานโปรตีนพืช พบโรคต่างๆ และความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและหลอดเลือดน้อยกว่า โดยเฉพาะความเสี่ยงโรคมะเร็งค่ะ
.
จากข้อดีต่างๆ ที่พูดมานั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องผันตัวมาเป็นมังสวิรัติ หรือกินเจอย่างเต็มตัวนะคะ แต่การทานโปรตีนพืชทดแทนโปรตีนสัตว์ให้มากขึ้นก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย คุณอาจเพิ่มโปรตีนพืชเข้าไปในมื้ออาหาร หรือกำหนดวันโดยเฉพาะให้กับโปรตีนพืช ให้ท้องได้พักจากการย่อยเนื้อและล้างลำไส้ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณสารเจือปน ลดไขมัน และสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกไปได้ และยังเพิ่มใยอาหารลงท้องเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วยค่ะ : )
.
#อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ #Health #PlantProtein #โปรตีนจากพืช #โปรตีนจากสัตว์
